25.12.50

ป้ายห้องน้ำ


ผลงานจาก Artist Elemilk


ผลงานจาก Artist “Elemilk” ซึ่งเป็นการแนวผสมผสานระหว่างแนว Street Art ผสมกับแนว Graffity ทำให้ได้งานที่แปลกใหม่และ มี Style ของตัวเองที่ชัดเจน ซึ่ง All A Livez และ ELEMILK ได้ร่วมมือกัน ที่จะทำเสื้อและงานศิลปะออกมา (ภาพด้านบนชื่อว่า Heaven)

" ป.ปลา ตากลม "














































LOMO


















Wooster Collective & Street Art

rock with face from Dillon

seen on the streets of Taipei, Taiwan

seen on the streets of toronto


crate art in Melbourne



Banksy’s killer phone booth




JohnnyJohnson’s Berlin Face





Mark Jenkins new tape project… “Embeds”







14.12.50

ป้ายแปลกแปลก

ป้ายห้ามตด น่ารักดี ถ้าไว้ในลิฟท์ คงขำ



แล้วอย่างนี้ กรู จะไปทางไหนเนี้ย







ป้ายห้ามจับนม












ป้ายห้ามทิ้งเด็ก











การทดลอง

ก็จากคราวที่แล้วที่สร้างสถานการณ์ขึ้นมา ก็เลยลองสร้างกฎขึ้นมาอีกครั้ง อีกสถานที่ที่ไม่เหมือนครั้งที่แล้ว คือลิฟท์ แต่อุปสรรคค่อยข้าง เยอะทีเดียว เพราะเป็นสร้านที่ส่วนบุคคล และมีกฎมากมาย แต่ก็ต้องลองกันซักตั้งหนึ่ง เลยลองที่หอของเพื่อน เอาป้ายไปติดตรงที่จะกดเรียกลิฟท์ว่า ลิฟท์เสีย ก้ไม่มีใครใช้ลิฟท์แต่อย่างใด เราก็เลยมาลองพิจารณาว่า ข้อความที่เราตั้งมันไม่ใช่กฎ เลยเปลี่ยนป้ายใหม่ว่า ห้ามใช้ คู่แรกที่ขึ้นมาพอเห็นป้ายปั้ป เกิดการถกเถียงกันเล็กน้อย ลองเรียกลิฟท์มา ลิฟท์ก็ทำงานปกติ แต่ก็มีการลังเล เขาจึงเดินกลับไปถามยาม

ด้วยเหตุนี้ จึงต้องรีบดึกป้ายออก เพราะเดี่ยวจะมีปัญหาตามมา ที่เราไปสร้างปัญหา.....
เมื่อได้รับคำยืนยังจากยามว่าลิฟท์ไม่ได้เสีย คู่นั้นจึงใช้ลิฟท์ เราก็ยังไม่ละความพยายาม แต่ก็ได้ไอเดียใหม่ว่า ลองติดป้ายกวนๆๆแปลกๆ ดู เผยอาจจะได้อะใหม่ๆเหมือนกับว่าเรากำลังทดลอง ทำไงให้ป้ายที่ติดประสบความสำเร็จ เลยได้ป้ายใหม่ว่า ลิฟท์สั่น หลังจากติดป้ายนี้ ก็มีคนแวะเวียนมาใช้บริการ แต่ก็ไม่มีใครใช้ ซักคน บางคนกดเรียกลิฟท์มา แต่ก็ไม่กล้าขึ้น ค่อนข้างจะประสบความสำเร็จพอสมควร

จึงว่าวิเคราะห์ว่าทำไม คนเรานี่ก็แปลกมีกฎ ก็ชอบแหก บอกตรงๆไม่ชอบ หรือเพราะเราเล่นกับจิตใต้สำนึกของคน ลองมานึกกลับกัน ถ้าเราเป็นคนมาพบป้ายว่าลิฟท์สั่น จะรู้สึกอย่างไร คงงงๆมึนๆ แต่เพราะไม่กล้าเสี่ยง กลัวจะเกิดอันตราย หรือจะมีเหตุผลอื่น เราจบการทดลองนี้เพราะว่ายามขึ้นมาเห็นก่อน

จากครั้งแรกที่ทดลองที่อนุเสาวรีย์เรื่องเกี่ยวกับอริยาบทเกี่ยวกับการนั่ง ด้วยเหตุที่ไม่สามารถกลับไปทดลองที่เดิมได้ จึงทดลองแค่ที่สวนรถไฟ เก้าอี้สาธารณะ ได้ลองนำป้ายไปติดว่า อันตรายแต่นั่งได้ คนผ่านไปผ่านมา ไม่มีใครนั่ง กฎนี้ประสบความสำเร็จหรือ..... ไม่ใครนั่งจริงๆหรือแรงผลัก ไม่พอ เพราะสถานที่แตกต่างกับที่อนุเสาวรีย์อย่างมาก คนไม่แออัด และ สวนสาธารณะก็สามารถนั่งบนหญ้าได้ คนเรามักชอบเลี่ยงอันตรายที่ไม่จำเป็น เพื่อปกป้องตัวเอง นี่คงเป็นจิตใต้สำนึกนึกๆของคนเรา

อย่ามองแต่ด้านกว้าง ให้มองด้านลึกดูบ้าง

จากการที่ศึกษาเรื่องกฎ มองอะไรก็เป็นกฎไปหมด เหตุกานณ์มีอยู่ว่า วันอาทิตย์ เดินอยู่ที่สยามบนสะพานลอย พบว่าถนนฝั่งที่จะไปหลานหลวงรถติดมากแน่นเอื้ยดเต็ม2เลน ล่วนถนนฝั่งตรงข้ามที่จะมาทางสุขุมวิท ถนนโล่ง ไม่นานนักก็มีรถคัน 1 ขับรถปาดขวา สวนเลนเข้ามาถนนที่จะไปสุขุมวิท และก็กลายเป็นตัวนำขบวน เปิดเลนมีผู้ทำตามอีกเพียบ ไม่นานนักก็กลายเป็นถนน 3 เลนไปทางหลานหลวงโดนปริยาย จากตรงนี้สรุปได้ว่า

กฎเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นแต่ต้องเป็นที่ยอมรับ และมีปัจจัยอีก หลายปัจจัย กฎยังมีอีกหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีข้อกำหนดไม่เหมือนกัน เช่น

กฎทางวิทยาศาสตร์ ต้องเป็นเรื่องจริงสามารถพิสูจน์ได้ มาซึ่งเหตุและผล
กฎหมาย ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ แต่ละวัฒนธรรม แต่ละระบอบการปกครอง เป็นต้น

สถานการณ์เฉพาะหน้า
เพราะฉะนั้น กฎ } แรงผลัก,แรงกระตุ้น } เกิดการแหกกฎ } มีผู้สนับสนุนหรือยอมรับ } เกิดกฎใหม่
นิสัยส่วนตัว
ไม่รับรู้กฎ

จึงได้ลองทำการทดลองครั้งแรก ที่อนุเสาวรีย์ ป้ายรถเมล์
ได้จำลองสถานการณืขึ้นมาก สร้างกฎขึ้นเอง นำป้ายไปติดที่นั่งรอรถประจำทาง ว่า ห้ามนั่ง ถือว่าป้ายประสบความสำเร็จอยู่นานเกือบถึง 10 นาที ทุกคนปฏิบัติตาม ไม่มีใครนั้ง ยืนอ้อหน้าป้ายรถเมล์กันเต็ม จนมีลุงคนหนึ่งเดินเข้ามา สำรวจเก้าอี้ตรงนั้นอยู่ซักพักแล้วก็นั่ง ไม่นานนัก ก็มีสาวออฟฟิตนั่งตาม
จึงเดินเข้าไปถาม คุณลุง ว่าลุงว่าเขามีป้ายติดว่าห้ามนั่ง ลุงก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไร แค่ตอบเพียงว่าก็นั่งได้ เก้าอี้ไม่ได้เป็นอะไร ก็เมื่อยก็นั่ง ชวนลุงคุยอยู่ซักพัก ลุงก็ขึ้นรถเมล์ไป จึงได้ถามสาวออฟฟิตต่อ เขาให้คำตอบว่าไม่เห็นป้ายห้าม และเห็นมีคนนั่งก่อนอยู่แล้ว

นี่เป็นเพียงการทดลองเริ่มต้น ที่จะนำเสนอ ใน สัปดาห์ที่ 27 Nov 50

6.12.50

For my King


ความรู้ทั่วไป vitamin c vs shrimp

ไต้หวัน-- -- หญิงคนหนึ่งเลือดออกทางทวารทั้ง 7 โดยไม่รู้สาเหตุ เสียชีวิตในข้ามคืนเดียว จากการชันสูตรศพเบื้องต้น ลงความเห็นว่าตายเพราะพิษสารหนู แล้วสารหนูมาจากไหนล่ะ ตำรวจเริ่มสืบสวนในวงกว้าง และเชิญศาสตราจารย์นิติเวชมาร่วมคลี่คลายคดี ศาสตราจารย์ตรวจวิเคราะห์สิ่งตกค้างในกระเพาะ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เปิดโปงสาเหตุการตายฉับพลัน "ผู้ตายไม่ได้ฆ่าตัวตาย ไม่ได้ถูกลอบสังหาร แต่ตายเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ถูกมันฆ่า" ศาสตราจารย์ฟันธง ผู้คนงงเป็นไก่ตาแตก อะไรคือ"มันฆ่า" แล้วสารหนูมาจากไหน ศาสตราจารย์กล่าวว่า สารหนูเกิดในกระเพาะผู้ตาย ผู้ตายกินวิตามินซีทุกวัน นี่ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่เธอกินกุ้งจำนวนมากในมื้อเย็น กินกุ้งโดยลำพังก็ไม่มีปัญหา คนในบ้านกินกันก็ไม่เห็นเป็นไร แต่ผู้ตายกินวิตามินซีพร้อมกันด้วย ปัญหาจึงเกิดตรงนี้แหละ นักวิจัยมหาวิทยาลัยชิคาโกเคยทำการทดลอง พบว่าสัตว์เปลือกอ่อนเช่นกุ้งมีสารประกอบอาเซนิกเข้มข้นในปริมาณสูง สารประกอบชนิดนี้เข้าไปอยู่ในร่างกายก็ไม่มีพิษภัยอะไร แต่เมื่อรับประทานวิตามินซีพร้อมกัน จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้สารประกอบเดิมที่มีสูตรเคมี As2O5 หรืออาเซนิกออกไซด์ซึ่งไม่มีพิษ กลายเป็นสารประกอบที่มีสูตรเคมี As2O3 หรืออาเซนิกไตรออกไซด์ซึ่งมีพิษ หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าสารหนูนั้นเอง พิษสารหนูจะทำให้การทำงานของเส้นโลหิตฝอยและเอนไซม์ของซัลฟีดรีลขัดข้อง เกิดอาการเลือดคั่งในหัวใจ ตับ ไต และลำไส้ เซลล์ผิวหนังตายด้าน เส้นโลหิตฝอยขยายตัว ดังนั้น ผู้ที่รับพิษจนตาย จะมีเลือดออกทางทวารทั้งเจ็ด เพราะฉะนั้น ในระยะที่รับประทานวิตามินซี ต้องงดกินอาหารประเภทกุ้ง เพื่อความไม่ประมาท เมื่ออ่านจบ โปรดส่งต่อไปยังญาติโยมเพื่อนฝูงด้วย

3.12.50

จิตใต้สำนึก จรรยาบรรณ

ครั้งก่อนจากที่พูด เรื่องจิตใต้สำนึก กับ จรรยาบรรณ ว่าอะไรคือจรรยาบรรณของนักออกแบบ
จากการค้นคว้าเกี่ยวกับกลุ่ม citizen เป็นกลุ่มที่หน้าสนใจและน่าให้การสนับสนุน แต่ส่วนตัวแล้ว
คิดว่าเหมาะกับนักออบแบบที่มีความพร้อมเท่านั้น (รึเปล่า)
เพราะคนเรายังต้องมีปัจจัยอะไรหลายอย่าง ถ้าตรงฉิน เกินไปก็อยู่ไม่รอด

อย่างเรื่องจรรยาบันของหมอ มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และการตัดสินใจ ไม่มีไรถูกรึผิด ขึ้นอยู่กับผลที่ตามมา ซึ้งเป็นสิ่งที่จะเกิด ในอนาคต

การเปลี่ยนแปลง
การมีกฎใหม่

ทุกยุคทุกสมัยต่างก็ตั้งกฎหรือทฎษฎีขึ้นมาเอง เพื่องตอบสนองกับความรู้สึกตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น ยุคสวิตดีไซย์ ยุคโพสโมเดิน ยุคโมเดิล กฎมีขึ้นได้ เพราะ ช่วงยุคช่วงสมัยหนึ่งมีการยอมรับ แต่เมื่อความศรัทราเสื่อมลง เกิดความคิดใหม่ๆ กฎก้อต้องถูกทำลายลง เพื่อเกิดสิ่งใหม่

กฎ (rule หรือ law) คือความจริงพื้นฐาน (principle) โดยมีความจริงในตัวของมันเองสามารถทดสอบได้ และได้ผลเหมือนเดิมทุกครั้งโดยไม่มีข้อโต้แย้ง

มีไว้ปฏิบัติตาม
มีไว้แหก ------------------- เล่นกับความรู้สึกคน
ทาสของกฎ
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่กลุ่ม/สมาคม/ชุมนุม/ชุมชน ชื่นชอบกับการตั้งกฎ

คำถามที่น่าคิดก็คือ หน้าที่แท้จริงของกฎ ในการดำเนินไปของกลุ่มคนนั้น คืออะไร หรือในอีกมุมหนึ่งก็คือ ที่ทางของกฎในระบบความหมายของกลุ่มคนคืออะไร

ถ้าจะพูดง่ายๆ คงจะตอบได้คร่าวๆ ว่า กฎ มีไว้เพื่อเป็นตัวแทนของอำนาจของคนในกลุ่ม เพื่อใช้บังคับอะไรบางอย่าง ตัวอย่างเช่น ในสังคมที่มีขนาดใหญ่ กฎ (หรือกฎหมาย) มีไว้เพื่อ "บังคับโดยไม่ให้มีข้อโต้แย้ง"

เราสามารถสรุปได้โดยไม่ผิดพลาดอะไรว่า กฎนั้น มีไว้เพื่อผู้ปกครองสามารถบังคับ ขู่เข็ญ และกระทำการเผด็จการ ได้โดยไม่จำเป็นต้องพูด/กล่าว/ชี้แจง และหลายครั้งมันก็เป็นสิ่งที่อยู่เหนือขอบเขตของการใช้เหตุผลโดยสิ้นเชิง เขาสามารถอ้างเพียงแต่ว่า สิ่งที่ทำนั้น กระทำไปตามกฎ (ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว เขียนโดยคนไม่กี่คน ไม่ผ่านการไตร่ตรองและสอบถามความเห็นที่ถ้วนถี่ และการเปลี่ยนแปลงกฎนั้น ในทางทฤษฎีกระทำได้ แต่เกิดขึ้นได้ยากมาก)

คุณใช้กฎเมื่อคุณคุยกับอีกฝ่ายไม่รู้เรื่อง คุณยกเอาคำพูดลอยๆ มาเพื่อใช้ตัดสินใจ ทั้งๆ ที่การที่คุยกันไม่รู้เรื่อง อาจเกิดจากความคับแคบในมุมมองของคุณเองก็ได้

กฎคือความรุนแรง กฎคือค้อนที่พร้อมจะกระแทกมือของเหตุผลให้แหลกละเอียด

ในความคิดของฉันแล้ว ผู้ที่นิยม (ชื่นชม/ชื่นชอบ) ในการใช้กฎทำงานเผด็จการแทนตนเอง นับว่าเป็นบุคคลที่น่ารังเกียจที่สุด



จริงเหรอ.....เหตุการณ์รอบตัวบ่อยครั้งทำให้นึกน้อยใจในโชคชะตา เพราะมันมักเลวร้ายกว่าที่ควร เช่น ขับรถมาเป็นสิบปีไม่เคยชนอะไร แต่พอถูกขอร้องให้ถอยรถเพื่อน ออกจากซอยไม่ถึง 30 เมตร กลับชนเสาไฟฟ้าโครมใหญ่




เหตุการณ์เลวร้ายเกิดเหมือนสวรรค์แกล้งนี้ เกิดบ่อยกับทุกคน จนมีผู้ตั้งเป็นกฎไว้ เรียกว่า "กฎของเมอร์ฟี่" ความว่า "ถ้ามันเคยผิดพลาด มันก็จะผิดซ้ำอีก" นอกจากกฎของเมอร์ฟี่ ยังมีกฎอื่นๆ ที่มีผู้สังเกตพบมากมาย สมควรรวบรวมไว้ดังนี้






1.กฎความเป็นไปได้ ขนมปังทาเนยที่พลัดตกพื้น จะเอาหน้าด้านที่มีเนยคว่ำลงเสมอ และโอกาสที่เนยตกเปื้อนพรม จะมีมากขึ้นเป็นส่วนกับราคาของพรม






2.การดูดวง หมอดูมักทายหลายเรื่องทั้งดีและเลว แต่เรื่องที่แม่นที่สุดคือเรื่องที่เลวที่สุด










3.กฎแห่งความแม่นยำ หากขว้างก้อนหินสะเปะสะปะ มันจะพุ่งตรงเข้าหาวัตถุที่มีราคาแพงที่สุด










4.กฎของหาย ของใช้ที่เราเห็นทุกวันจะหายต่อเมื่อเราต้องการใช้มัน










5.กฎของเมธี เลขเด็ดที่เราไม่ซื้อ คือเลขที่จะออกงวดนั้นและหวยที่เราซื้อมักใกล้เคียงกับหวยที่ออก หากได้บวกลบคูณหารด้วยเลขอะไรสักตัว หรือกลับหน้ากลับหลัง แต่ถ้าเราซื้อเลขกลับ มันจะออกเลขตรง และถ้าเราซื้อทั้งสองแบบมันจะไม่ออกเลย










6.กฎแรงโน้มถ่วง วัตถุ 2 ชิ้นน้ำหนักไม่เท่ากันจะตกถึงพื้นด้วยความเร็วขนาดที่ทำลายทรัพย์สินได้มากที่สุด เท่าๆกัน










7.ข้อพิจารณาในการเลือกซื้อหนังสือ หนังสือปกสวย เนื้อในมักห่วย หนังสือปกขี้เหร่ เนื้อในห่วยกว่า










8.กฎห้ามพูด คนไทยรู้จักกฎนี้ดี จนมีสุภาษิตว่า "เข้าป่าอย่าเรียกหาเสือ" กฎมีว่า ทันทีที่คุณพูดแสดงความคาดหวัง ถ้าหวังสิ่งเลวสิ่งเลวจะมาหา และถ้าหวังสิ่งดี สิ่งเลวก็จะมาหา










9.กฎของโฮว์ (Howe's Law) มนุษย์ทุกคนมักจะทำอะไรไม่สำเร็จ










10.กฎของไซเมอร์กี้ ถ้าคุณรื้อชิ้นส่วนออกมาประกอบใหม่จะมีน็อตเหลือเสมอ










11.ข้อสังเกตของอีตัวร์ รถเลนข้างๆ มักเคลื่อนตัวดีกว่าเลนของเรา










12. กฎการแก้ปัญหา ในปัญหาใหญ่ๆ ที่เป็นอุปสรรคให้เราแก้ มักมีปัญหาเล็กๆ อยู่ภายในซึ่งพร้อมจะขยายตัว แทนที่ทันทีที่ปัญหาใหญ่ได้รับการแก้ไขลุล่วง 13. กฎทอง คนมีทองคือคนออกกฎ










14. ธรรมชาติของมนุษย์ มนุษย์เรามีสองประเภท ประเภทแรก คือ คนที่ชอบแยกคนเป็นสองจำพวก ประเภทที่สอง คือ คนที่รังเกียจพวกแรก










15. กฎยิ่งน้อยยิ่งดีของซีกัล คนที่มีนาฬิกาเรือนเดียว จะรู้เวลาแน่นอน คนที่มีนาฬิกาเพิ่มมาอีกเรือน จะไม่แน่ใจว่า เวลาใดถูกต้อง










16.กฎการใช้เวลาเหลื่อมล้ำ การเริ่มต้นงานเป็นสิ่งยาก เพราะงาน 90 % แรก จะกินเวลาไปถึง 90% ของเวลาในโครงการ ส่วนงาน 10% ที่เหลือจะกินเวลาอีก 90% ของเวลาในโครงการ


27.11.50

The difference between European and Asian‏

การแสดง ​ ความ ​ คิดเห็น คนยุ ​ โรป ​ ​ ชอบแสดง ​ ความ ​ เห็นแบบตรงๆ คนเอเซีย ​ ​ ชอบแสดง ​ ความ ​ เห็นแบบอ้อมๆ ​





วิถีชีวิต คนยุ ​ โรป ​ ​ ตัวคนเดียว ​​ ตัวใครตัวมัน คนเอเซีย ​ ​ ไป ​ กัน ​ หมด ​ ทั้ง ​ ก๊กนี่ ​ แหละ



ความ ​ ตรงต่อเวลา คนยุ ​ โรป ​ ​ ตรงเป๊ะๆ คนเอเซีย ​ ​ ขอสายหน่อยน่า ​ ( เอ ​ ... ​ ชัก ​ จะ ​ ไม่ ​ หน่อย ​ แล้ว ​ ล่ะ)


การสื่อสาร คนยุ ​ โรป ​ ​ รู้ ​ กัน ​ เฉพาะกลุ่มใครกลุ่มมัน คนเอเซีย ​ ​ รู้ ​ กัน ​ ทั้ง ​ ซอย ​​ รู้ ​ กัน ​ ทั้ง ​ ตำ ​ บล





การแสดงอารมณ์ ​ โกรธ ​​ ไม่ ​ พอใจ ​



การ ​ เข้า ​ คิว ​


ความ ​ มั่นใจ ​ ใน ​ ตัวเอง คนยุ ​ โรป ​ ​ สุดๆ คนเอเซีย ​ .........


บรรยากาศถนน ​ ใน ​ เมือง ​​ วันหยุด



บรรยากาศงานเลี้ยง คนยุ ​ โรป ​ ​ กระจาย ​​ พวกใครพวกมัน คนเอเซีย ​ ​ เอ้า ​​ ล้อมวง ​​ ล้อมวง ​



การท่องเที่ยว คนยุ ​ โรป ​ ​ บันทึก ​ ไว้ ​ ใน ​ ความ ​ ทรงจำ คนเอเซีย ​ ​ บันทึก ​ ด้วย ​ กล้องสิจ้ะ


นิยามแห่ง ​ ความ ​ งาม คนยุ ​ โรป ​ ​ ผิวสี ​ แทนสิ ​ ​ สวยสุดๆ คนเอเซีย ​ ​ ต้อง ​ ขาว ​ เข้า ​ ไว้ ​ ​ ขาว ​ เข้า ​ ไว้


การจัดการ ​ กับ ​ ปัญหา คนยุ ​ โรป ​ ​ พุ่ง ​ เข้า ​ ชนปัญหา ​ ไปเลย คนเอเซีย ​ ​ ขอเลี่ยงปัญหาดีกว่านะ ​


การคมนาคม คนยุ ​ โรป ​ ​ เปลี่ยน ​ จาก ​ ขับรถ ​ ​ มาปั่นจักรยานดีกว่า คนเอเซีย ​ ​ เลิกปั่นจักรยาน ​ ​ มาขับรถ ​ กัน ​ ดีกว่า



วิถีชีวิตยามแก่ชรา คนยุ ​ โรป ​ ​ โ ┤ ดเดี่ยว ​ ​ อยู่ ​ กับ ​ หมา คนเอเซีย ​ ​ อบอุ่น ​ ​ อยู่ ​ กับ ​ หลานๆ ​


เจ้านาย ​ กับ ​ ลูกน้อง คนยุ ​ โรป ​ ​ เหนือกว่าลูกน้องนิดหน่อย คนเอเซีย ​ ​ อำ ​ นาจล้นฟ้า ​ ​ ข่ม ​ กัน ​ สุดเดช





เด็ก ​ กับ ​ ผู้ ​ ใหญ่ คนยุ ​ โรป ​ ​ เสมอภาคจ้า คนเอเซีย ​ ​ ต้อง ​ ควบคุมมัน ​ ไว้ ​





ตอนนี้กำ ​ ลังนิยมอะ ​ ไร ​ กัน ​ อยู่ ​ นะ คนยุ ​ โรป ​ ​ กำ ​ ลังนิยม ​ ความ ​ เป็น ​ เอเซีย ​ อยู่ คนเอเซีย ​ ​ กำ ​ ลังนิยม ​ ความ ​ เป็น ​ ยุ ​ โรป ​ อยู่



About Bruce_Mau



ความคิด ความเชื่อ และแรงผลักดันในการทำงาน ของเขา ที่น่าสนใจ 13 ข้อ