5.7.51

Green city

สถาบันอีกแห่งที่จัดอันดับเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เรียกว่า “กรีนซีตี้” คือเว็บไซต์ Grist ซึ่งเป็นศูนย์รวมข่าวสารทางด้านสิ่งแวดล้อมโดยในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วได้จัดอันดับ 15 เมืองเขียวโดยดูจากนโยบายแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในเมืองต่าง ๆ


อันดับหนึ่งใน 15 เมืองเขียวของโลก คือเมืองเรคยาวิก ในไอซ์แลนด์ เมืองนี้มีนโยบายใช้รถเมล์ที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงและมีแผนที่จะไม่ใช้พลังงานจากน้ำมันเลยภายในปีพ.ศ. 2593

เมืองที่สองคือ พอร์ตแลนด์ ในออริกอนของอเมริกา เป็นเมืองที่มีแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ชัดเจน มีการสนับสนุนรถราง การขี่จักรยานและอาคารเขียว

อันดับสามคือ เมืองกูรีตีบา ในบราซิล เป็นเมืองที่มีการใช้รถเมล์มากที่สุดในโลกและยังมีพื้นที่สีเขียว 580 ตารางฟุตต่อหัว

อันดับสี่ใน 15 เมืองเขียวคือ Malmo เมืองใหญ่อันดับสามของสวีเดนเมืองนี้มีชื่อในเรื่องสวนสาธารณะและพื้นที่สีเขียว ผู้บริหารเมืองมีแผนที่ชัดเจนทำให้เป็นอีโค่ซิตี้

อันดับห้าคือเมืองแวนคูเวอร์ ในแคนาดา 90% ของพลังงานที่ใช้ในเมืองนี้เป็นพลังงานหมุนเวียน มีสวนสาธารณะ 200 แห่ง และกำลังวางแผนเมืองล่วงหน้าหนึ่งร้อยปี

อันดับหกคือ โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ประชาชนเมืองนี้ใช้จักรยานกันมากเป็นเมืองที่รับรางวัลการบริหารสิ่งแวดล้อมยอดเยี่ยมของยุโรป และมีสีเขียวมากกว่าเมืองใด ๆ

อันดับเจ็ดคือ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมืองนี้ในการจัดอันดับของ Reader’s Digest อยู่อันดับที่ 27 แต่ Grist ให้อยู่อันดับเจ็ดเพราะมีแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 60 % ภายใน 20 ปีและมีระบบภาษีที่สนับสนุนการใช้รถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่ชัดเจน

เมืองเขียวอันดับแปดคือ ซาน ฟรานซิสโก ของอเมริกา ซึ่งมีพื้นที่ 17% เป็นสวนสาธารณะและพื้นที่สีเขียว ประชาชนที่นั่นใช้รถสาธารณะ ขี่จักรยานหรือไม่ก็เดินไปทำงาน เป็นเมืองที่มีอาคารที่จัดเป็นอาคารเขียว (Green Building) เยอะมากเมืองนี้ห้ามใช้ถุงพลาสติกใหม่และของเล่นพลาสติกเด็กที่เป็นพิษ

อันดับเก้าในตารางคือเมือง Bahia de Caraquez ในประเทศเอกวาดอร์ เป็นประเทศที่คนไทยไม่ค่อยรู้จัก รู้แต่ว่ามีทีมฟุตบอลเก่ง เมืองนี้ได้รับเลือกเป็นหนึ่งในสิบห้าเมืองเขียว เนื่องจากมีนโยบายชัดเจนโดยมีการประกาศแผนเป็น “อีโค่ซิตี้” ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2542 พร้อมปรับปรุงเมืองและโฆษณาว่าเป็นเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวประเภทอีโค่ทัวร์

อันดับสิบ คือเมืองซิดนีย์ ในออสเตรเลีย ถ้าจำกันได้เมืองนี้เป็นเมืองแรกที่มีประกาศปิดไฟทั้งเมืองเพื่อร่วมแก้ปัญหาโลกร้อน เป็นเมืองที่มีความกระตือรือร้นและมีโครงการร่วมแก้ปัญหาโลกร้อนหลายโครงการ

เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปนอยู่ในอันดับสิบเอ็ด เป็นความประหลาดใจเช่นกันเพราะเป็นที่รู้กันว่าเมืองในสเปนค่อนข้างจะสกปรก แต่ว่ากันว่าเมืองนี้มีฟุตบาทสำหรับคนเดินมากกว่าเมืองใด ๆ นอกจากนี้ยังมีแผนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์และสร้างสวนจำนวนมาก

อันดับสิบสองคือเมืองโบโกตา ในประเทศโคลัมเบีย เคยเป็นเมืองของอาชญากรรมและสลัม แต่เมืองนี้โชคดีที่ได้พ่อเมืองที่มีชื่อว่า Enrique Penalosa ผู้ซึ่งปฏิวัติเมืองใหม่สร้างระบบรถเมล์ที่มีประสิทธิภาพ สร้างทางรถจักรยานยาวกว่า 180 ไมล์ ห้ามรถวิ่งเข้าใจกลางเมือง และปรับปรุงพื้นที่สีเขียวกว่า 1,200 แห่ง

กรุงเทพฯ อยู่อันดับที่สิบสาม ได้เข้าอยู่ในกลุ่ม 15 เมืองเขียวเนื่องจากผู้ว่านายอภิรักษ์ โกษะโยธินได้ประกาศแผนกรุงเทพฯ เขียวห้าปี ซึ่งมีทั้งการนำเอาน้ำมันพืชกลับมาใช้ใหม่ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากรถยนต์ การสนับสนุนอาคารสีเขียว นอกจากนี้ผลงานการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศที่ผ่านมาก็จัดว่าใช้ได้

อันดับที่สิบสี่คือ เมืองกัมปาลา ในประเทศยูกันดาเป็นเมืองที่สร้างขึ้นบนเนินเขาเจ็ดลูก และพยายามพัฒนาเป็นเมืองใหญ่แต่เจอปัญหาความยากจนและมลพิษ จึงปฏิวัติการใช้พื้นที่ในเมืองใหม่ อนุญาตให้ทำการเกษตรในเมือง สร้างระบบรถเมล์ที่มีประสิทธิภาพ กวาดแท็กซี่ออกจากถนนโดยการเก็บภาษีรถติดทำให้มีอนาคตที่แจ่มใสขึ้น

อันดับสุดท้ายของสิบห้าเมืองเขียวคือเมืองออสติน มลรัฐเทกซัสในอเมริกาซึ่งกลายเป็นศูนย์กลางผลิตอุปกรณ์เพื่อการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ เมืองนี้วางแผนใช้พลังงานไฟฟ้า 20% ที่มาจากพลังงานหมุนเวียนและเพิ่มพื้นที่สีเขียว รวมทั้งเลนรถจักรยานยาว 32 ไมล์

26.6.51

Eco cities

Being an eco city means working together for better social, economic and environmental outcomes for our children, our grandchildren and ourselves.


Being an eco city means working together for better social, economic and environmental outcomes for our children, our grandchildren and ourselves.
a pui พูดว่า:
An ecocity is an ecologically healthy city. Into the deep future, the cities in which we live must enable people to thrive in harmony with nature and achieve sustainable development. People oriented, ecocity development requires the comprehensive understanding of complex interactions between environmental, economic, political and socio-cultural factors based on ecological principles

22.6.51

จักรยานดีอย่างไร

ดีตรงที่ ถ้าเป็นเด็ก ก็สามารถใช้เจ้าพาหนะนี้พาตัวเองท่องเที่ยวในละแวกบ้านไปได้ไกลๆ นับเป็นสิบกิโลเมตร
ดีตรงที่ ถ้าเป็นวัยรุ่น ก็สามารถใช้จักรยานไปหาเพื่อนที่ถูกใจ ได้โดยไม่เปลืองค่าแทกซี่
ดีตรงที่ ถ้าเป็นคนวัยทำงาน และกำลังตั้งตัว ยังมีฐานะไม่ดีนัก ก็สามารถใช้จักรยานเป็นพาหนะเดินทางไปทำงาน ได้อย่างมีประหยัด และไม่ต้องคอยพึ่งจมูกคนอื่นหายใจ รวมทั้งไม่ต้องคอยเครียดว่า เมื่อไปรอรถเมล์ รอแล้วรอเล่า รถเมล์ไม่มาสักที พอรถเมล์มาก็กลับไม่จอด ไอ้ที่จอดก็คนแน่นจนขึ้นไม่ได้ ไอ้ที่พอขึ้นได้ ก็ต้องเบียดเสียดยัดเยียด ดมกลิ่นตัวกันจนอึดอัดไปตามๆ กัน ดีตรงที่ ได้ออกกำลังกาย ทำให้สุขภาพดี จิตใจจึงร่าเริง ไม่หมกมุ่น ไม่เครียด เรียนหนังสือ หรือทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง
และดีตรงที่ จักรยานไม่ก่อมลพิษใดๆ ทั้งสิ้น ผู้ที่ใช้จักรยานจึงเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าลงมือปฏิบัติเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้จักรยานร่วมกันระหว่างตรอบตรัวได้ เป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้กับสถาบันครอบครัว ที่ปัจจุบันกำลังเสื่อมสลายไปทุกขณะ

ปัญหาที่ตอบได้
คนขี่จักรยานโดนควันพิษจากท้องถนน:
ตอบปัญหานี้ได้ง่ายที่สุด โดยขอย้อนถามว่า คนบนรถเมล์ คนยืนรอรถ คนขี่มอเตอร์ไซด์ คนเดินถนน ไม่โดนควันพิษหรือ ก็โดนเหมือนกันใช่ไหม ปัญหานี้จึงไม่เป็นเฉพาะคนใช้จักรยาน (แต่ถ้าใช้จักรยานแล้ว ทำให้คุณใช้เวลาบนถนนน้อยลง ไม่ต้องรอรถเมล์นาน ไม่ต้องติดอยู่บนรถเมล์แบบขยับไม่ได้ ดมควันพิษนิ่งอยู่เป็นชั่วโมงๆ ใครจะได้รับพิษมากกว่า ลองคิดดู)
ฝนตกจะขี่จักรยานได้หรือ:
ก็ต้องขอถามกลับอีกเช่นกันว่า แล้วมอเตอร์ไซด์ทำอย่างไรเมื่อฝนตก มอร์เตอร์ไซด์ทำอย่างไร จักรยานก็ทำอย่างนั้น คือฝนไม่ตกมากก็ฝ่าฝนไป ถ้าตกมาก ก็หลบใต้สะพานลอด หรือใต้ชายคาห้องแถว
แดดร้อนจัง:-
ปักกิ่งหน้าร้อนก็ร้อนพอกับบ้านเรา เท็กซัสร้อนกว่าอีก ลอสแองเจลิสก็ร้อนมาก ทำไมเขาถึงใช้จักรยานกันเป็นล่ำเป็นสันได้ ปัญหาแดดร้อนไม่ใช่ปัญหา ปัญหาหิมะตกถนนลื่นเป็นอุปสรรคต่อจักรยานมากกว่า แต่คนในต่างประเทศเขาก็ใช้กันมากมาย
ขี่จักรยานแล้วน่องโต:-
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ประเทศจีน ลาว อินเดีย เวียดนาม ก็มีการประกวดนางงามไม่ได้เป็นแน่ เพราะสาวเหล่านี้จะน่องโตกันหมด ข้อกล่าวหานี้ไม่จริงเลย ดูสาวเชียงใหม่ขี่จักรยานกางร่มเป็นตัวอย่างก็ได้ว่า น่องสวยเพียงใด(ลองดูสาวญี่ปุ่น ที่ได้เหรียญทองและเหรียญเงินจักรยานเสือภูเขา Downhill เอเชียนเกมส์ครั้งที่ 13 ซึ่งทั้งสวยและหุ่นดีทั้งคู่จนคนตามดูไม่ยอมห่าง จะรู้ว่าน่าห่วงตรงนี้มั๊ย)
ขี่ได้ไม่ไกล ไปทำงานไม่ไหว ไปโรงเรียนไม่ได้:-
หลายคน อายุเพียง 10 ขวบ ไปร่วมขี่จักรยานท่องเที่ยวกัยชมรมฯครั้งแรกในชีวิต ขี่วันแรกได้ 40 กิโลเมตรเลยทีเดียว สมาชิกอาวุโสสูงสุดของชมรมคือ ลุงไตร ชื่นบาน วัย 79 ปี ขี่ได้ถึงวันละ 100 กิโลเมตร ข้อกล่าวหาว่าใช้จักรยานได้ช่วงสั้นๆ เท่านั้นจึงไม่จริง
แพง:-
จักรยานตอนนี้มีราคาตั้งแต่ 800 บาท ไปจนถึงหลายหมื่นบาท ถ้ากระเป๋ายังไม่หนักพอ ก็ใช้จักรยานจ่ายกับข้าวก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เสือหมอบ หรือเสือภูเขาแบบแพงๆ
อันตราย:-
ปัญหานี้สิ เป็นปัญหาใหญ่ จึงได้รณรงค์ตลอดเวลา ที่จะให้เทศบาลทั่วประเทศหันมาทำทางจักรยานโดยเฉพาะให้ประชาชน เราจึงต้องร่วมใช้จักรยานกันมากๆ จะได้เป็นแรงผลักดันให้รัฐบาลเห็นความสัมคัญของคนใช้จักรยาน แล้วมาสร้างทางจักรยานให้ปลอดภัย
ท่องเที่ยว:-
การใช้จักรยานในการท่องเที่ยว ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก และได้สัมผัสกับธรรมชาติและ ชีวิตจิตใจของชาวบ้านได้มากกว่าการนั่งรถผ่านเพียงเฉียดไปเฉี่ยวมา
เคยมีการแข่งขันกันแล้วระหว่างจักรยานกับรถเก๋งในกรุงเทพฯ จากจุฬาฯ ไปซอยอโศก จักรยานขนะขาด ใช้เวลาอยู่บนถนนน้อยกว่ารถเก๋งมากมาย

8.6.51

IDEA วิีถีพัฒนาแห่งการออกแบบ



IDEA วิีถีพัฒนาแห่งการออกแบบ

การประกวดรางวัลงานออกแบบ 2007 International Design Excellence Awards (IDEA) จัดโดย Industrial Designers Society of America และได้รับการสนับสนุนโดยนิตยสาร BusinessWeek ครับ งานออกแบบทั้งผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ที่ส่งประกวดมี 595 ชิ้นจากต่างประเทศจำนวน 29 ประเทศ และ 1,096 ชิ้นจากดินแดนลุงแซมซึ่งเป็นประเทศเจ้าภาพ

สิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งในการประกวดครั้งนี้ิ งานออกแบบที่ชนะรางวัล 13 ชิ้นจากงานที่ชนะทั้งหมด 81 ชิ้น พุ่งตรงไปที่การออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมครับ โลกเรามีโอกาสรอดแล้ว ถ้าคนส่วนใหญ่ใส่ใจธรรมชาติและช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมนะ

รถไฟฟ้า (Electric Car) Tesla Roadster เป็นตัวอย่างงานออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมชิ้นหนึ่งที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ (Gold) งานออกแบบนี้เป็นของ Lotus Design Studio ในสหราชอาณาจักรครับ นอกจากนั้น Herman Miller และ fuseproject ได้รับรางวัลที่สอง (Silver) ในด้านกลยุทธ์ทางการออกแบบโคมไฟ LEAF ซึ่งใช้หลอด LED เพื่อประหยัดพลังงาน และรถเด็กเล่นที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนได้รับรางวัลที่สองเช่นเดียวกัน รถเด็กเล่นไฮโดรเจนนี้ ออกแบบโดย Horizon Fuel Cell Technologies ในเซี่ยงไฮ้ นักออกแบบฝั่งเอเซียของเรามาแรงเหมือนกันนะ แต่ไหนแต่ไรมา เรามันเห็นพวกงานคอมพิวเตอร์หรือของไฮเทคเท่านั้นที่ได้รับรางวัล IDEA แต่ในปีนี้ การออกแบบหลากหลายประเภทเข้าวินมาให้เราเห็นค่ะ อย่างเช่น Citicorp Credit Services และ Ziba Design Inc. ได้รับรางวัลที่สาม (Bronze) ในงานออกแบบการ์ด SmartMoney RFID คุณสามารถจ่ายสตางค์ได้โดยแค่โบกบัดใกล้กับตัวรับสัญญาณแค่นั้น นอกจากนั้น The Bank of America/ทีม IDEO ชนะรางวัลที่สาม ในงานออกแบบโปรแกรม Keep the Change ซึ่งเป็นโปรแกรมที่สนับสนุนให้คนประหยัด โปรแกรมของธนาคารนี้ชนะ Catalyst award ด้วยครับ รางวัลนี้จะให้สำหรับงานที่ออกแบบและประสบผลสำเร็จอย่างจริงจัง งานออกแบบเครื่องบินเจ็ต Eclipse 500 Very Light Jet โดย IDEO และ Eclipse Aviation ได้รับรางวัลมากที่สุดในงานนี้ งานนี้ได้รางวัลที่หนึ่งไปสองรางวัล รางวัลที่สองไปหนึ่งรางวัล แุถมรางวัล Catalyst ไปอีกหนึ่ง ในด้านงานวิจัย การออกแบบในลักษณะ interaction และประเภทการคมนาคมขนส่ง เมืองนอกสนับสนุนการออกแบบกันถึงเพียงนี้ ผมอยากเห็นงา่นแบบนี้ได้รับความสนับสนุนและฮิตในบ้านเราบ้าง

การใช้จักรยาน ช่วยลด Energyและมลพิษ แต่ เพิ่ม Energy ให้ กับ ตัว เอง





เป็นที่รู้กันดีว่า "จักรยาน" คือพาหนะที่ดีที่สุดสำหรับทุกชุมชน และในยุค"น้ำมันแพง" บวกกับ"ปัญหาสิ่งแวดล้อม" ก็น่าจะมีการส่งเสริมสนับสนุน แต่น่าเสียดาย ที่รัฐบาลไทยไม่เคยสนใจและสนับสนุน




เพียงแค่ 20-30 ปี คนไทยเปลี่ยนมาเป็น"สังคมบ้ารถ" ใครไม่มีรถยนต์ขับ จะกลายเป็น"คนเชยในเมืองใหญ่"




"รถยนต์" สำหรับคนไทย มีความหมายมากมายนอกเหนือจากความเป็นพาหนะ เพราะมันเป็นตัวแทนของค่านิยมของผู้คนในสังคม ที่มองว่าใครมีรถยนต์เป็นผู้มีสถานะอีกระดับ และมักจะวัดกันด้วย"ราคารถ" ขณะเดียวกัน คนไทยก็"รู้"ดีว่า "รถยนต์"เป็นหนึ่งในตัวการที่ทำลายสภาพแวดล้อมในอันดับต้นๆ ทั้งเรื่อง"อากาศ" ที่ชุมชนที่เคยมีมีอากาศบริสุทธิ์สดใสก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อรถยนต์เข้ามาปลอ่ยควันพิษ หรือมลภาวะเรื่อง"เสียง" ที่ดังลั่นจากท่อไอเสียและเครื่องยนต์ ไม่นับถึงการที่รถยนต์ก่ออุบัติเหตุฆ่าคนอีกจำนวนมากในแต่ละปี




พอวันนี้ มีเรื่อง"โลกร้อน"พูดกัน รถยนต์ก็กลายเป็น"แพะ"อีกตัวที่ถูกมองว่าเป็นตัวการเผาผลาญพลังงาน




ความจริงหลายประเทศเขาคิดเรื่อง"ลดปริมาณรถยนต์" กันนานแล้ว และน่าแปลกที่ประเทศที่คิดเรื่องนี้ เป็นประเทศที่ผลิตรถยนต์ อย่างอังกฤษ ที่ตั้งเป้าให้ประชาชนหันมาใช้"จักรยาน" มากขึ้น โดยรัฐบาลอังกฤษเริ่มวางแผนสร้างเส้นทางจักรยานเพื่อเชื่อมโครงข่ายขยายระหว่างบ้านไปยังสำนักงาน โรงเรียน โบสถ์ และแหล่งสันทนาการต่างๆ

สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป้นประเทศที่ผลิตรถยนต์มากที่สุดแห่งหนึ่ง ก็สนับสนุนใช้เส้นทางจักรยานไม่น้อยหน้าประเทศอื่น อย่างนครชิคาโก มลรัฐอิลลินอยส์ มีการศึกษาเรื่อง"ไบค์เลน" อย่างจริงจัง ตั้งแต่มาตรฐานของเส้นทางว่าควรจะมีความกว้างเท่าไหร่ ควรจะมีกี่ช่องทาง ให้เป็นวันเวย์หรือทูเวย์ ทางเชื่อมกับรถสาธารณะ ทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ รวมถึง"ที่จอดรถจักรยาน"



ญี่ปุ่นและจีน เป็น 2 ประเทศในเอเชียที่รณรงค์เรื่องนี้มากขึ้น และมี"ไบค์เลน"ที่ถือว่า"สำคัญกว่า"ถนนของรถยนต์



ความจริงแล้ว เรื่อง"จักรยาน" เป็นเรื่องที่"พูด"กันมานาน และบ้านเราเองก็มี"ไบค์เลน" แต่ที่ผ่านมาก็เป็นเพียง"กระแส" และจะถูก"ลืม" เมื่อเวลาผ่านไป อย่างไบค์เลนบนถนนลาดพร้าว วันนี้ถูกเบียดบังด้วยรถเข็นขายลูกชิ้น แต่ไม่มี"เทศกิจ"หรือเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปจัดการ และ"คนรักจักรยาน"ก็จะกลายเป็น"พลเมืองชั้นสอง"ต่อไป




อยากเห็น รัฐบาล กทม. หรือท้องถิ่นให้ความสำคัญเรื่องนี้มากกว่าแค่"รณรงค์ปีละวัน" ในวัน car free day วันที่ 22 กันยายน มีการศึกษาพบว่า สร้างทางหลวงต้องลงทุนกิโลเมตรละ 30 ล้านบาท และกินพื้นที่เป็น 6 เท่าของเส้นทางจักรยาน คืดพื้นที่ถนนที่รถยนต์วิ่งได้ 1 คัน หากกลายเป็น"ไบค์เลน" ก็สามารถปั่นรถจักรยานได้ถึง 6 คัน




ความสนใจเรื่อง"จักรยาน" ทำให้ องค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและพัฒนา (โออีซีดี) กำลังเร่งจัยเรื่องจักรยานและอุปกรณ์ชิ้นส่วนจักรยาน เพื่อเสนอองค์การการค้าโลก(ดับบลิวทีโอ) ให้กำหนดเป็นสินค้าที่ปลอดจากพิกัดภาษีศุลกากร เพราะจักรยานคือสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรืออีอีพี (EPPs-Environmentally Preferable Products) หากเป็นเช่นนั้นจริง โลกเราคงสวยงามมากขึ้น


ไม่(เคย)แปลกใจ ที่เมื่อคนไทยไปสวิสเซอร์แลนด์ ไปญี่ปุ่น ไปสวีเดน จะ"ประทับใจ"เรื่องคนถีบจักรยานในเมือง(ใหญ่) แต่เมื่อมีคนแนะนำ คนไทยก็จะอ้างเรื่องอากาศ(ร้อน) ไม่อยากถีบ ทั้งที่สามารถแก้ไขได้ และ




ฉันยังเชื่อว่าหากหน่วยงานรัฐให้ความสำคัญเรื่อง"ไบค์เลน" คือเน้นเรื่อง"ความปลอดภัย" ก็น่าจะมีคนถีบจักรยานมากขึ้น เพราะเส้นทางจักรยานในกรุงสตอกโฮล์ม เป็นเส้นทางสะดวกในการเดินทาง เพราะอยู่ในแนวต้นไม้ ขณะที่บางเส้นทางขนานไปกับแนวชายฝั่งทะเล




ความจริงแล้ว คนเริ่มสนใจเรื่อง"จักรยาน" เมื่อเกิดวิกฤตการณ์น้ำมันครั้งแรกในปี 2513 ซึ่งเห็นได้จากช่วงปี 2516-2526 ทั่วโลกมีคนใช้จักรยานเพิ่มจาก 52 ล้านคัน เป็น 74 ล้านคัน และในปี 2543 ทั่วโลกผลิตจักรยานได้ถึง 101 ล้านคัน โดยประเทศที่ให้ความสำคัญกับจักรยานมากก็คือประเทศในยุโรป สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ที่เริ่มวางโครงข่ายเส้นทางจักรยานอย่างเป็นระบบ วันนี้ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน มีเส้นทางจักรยานเชื่อมกับเส้นทางรถไฟ รถบัส เกือบทั่วประเทศ เนเธอร์แลนด์ทั้งประเทศมีเส้นทางจักรยานเชื่อมไปทุกชุมชน สถานีรถไฟในนครอัมสเตอร์ดัม มีอาคารจอดรถจักรยานสูง 3 ชั้น เพราะเส้นทางจักรยานในเนเธอร์แลนด์มีความยาวกว่า 19,000 กิโลเมตร ขณะที่ในเยอรมนี ประเทศที่เป็นเจ้าพ่ออุตสาหกรรมรถยนต์ มีเส้นทางจักรยานเชื่อมทั้งประเทศกว่า 31,000 กิโลเมตร


ขณะที่สหรัฐอเมริกา ตัวเลขของสำนักงานสถิติด้านการขนส่งระบุว่า คนอเมริกันขี่จักรยานไปทำงาน 33 ล้านคน และเดินเท้าไปทำงาน 140 ล้านคน และมีการสนับสนุนจากทุกฝ่าย เช่น ที่มลรัฐอริโซนา ชาวบ้านอนุมัติให้กองทุนอริโซนา เฮอริเทจ นำเงินกำไรจากการขายลอตเตอรี่ เมื่อปี 2533 ประมาณ 800 ล้านบาทมาแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเอาไปทำทางจักรยาน อีกส่วนให้กับอุทยานของรัฐอริโซนา เพื่อไปทำแทร็กจักรยานและทางเชื่อมภายในอุทยานให้คนไปเที่ยวอุทยานขี่หรือเดินพักผ่อนหย่อนใจ ส่วนชาวกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ชาวเมืองสนับสนุนให้ผู้บริหารเมืองทำทางเท้า ทางจักรยานจนเชื่อมต่ออย่างเป็นระบบกับรถไฟฟ้าใต้ดิน


ในญี่ปุ่น รถจักรยานถือเป็นยานพาหนะ จึงต้องอยู่ภายใต้กฎจราจร หลายจังหวัดจึงกำหนดให้ผู้ขี่รถจักรยานต้องเข้าอบรมเพื่อสอบขอใบอนุญาตขี่จักรยาน




ที่กรุงลอนดอน มี แอลซีซี (LCC : London Cycling Campaign) ซึ่งถือเป็นองค์กรนักปั่นจักรยานที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นแกนกลางสำคัญที่รณรงค์เคลื่อนไหวให้คนอังกฤษหันมาปั่นจักรยานกันเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย และรณรงค์จนทุกวันนี้ มีชาวลอนดอนปั่นจักรยานไปทำงานประมาณวันละ 6.5 แสนคน






ถึงเวลาหรือยัง ที่เราจะเริ่มถีบจักรยานพร้อมกัน







อ้ายคนจน จำต้องทนปั่นรถถีบ จะไปจีบอี่น้องคนงาม พอไปถึงอ้ายก่ฟั่งเอิ้นถามพอไปถึงอ้ายก่ฟั่งเอิ้นถาม


อี่น้องคนงามกิ๋นข้าวแลงแล้วกา




น้องได้ยินก่ปิดประตู๋ดังปั้ง อ้ายเลยฟั่งจู๋งรถถีบออกมาอ้ายคนจน บ่มีวาสนา อ้ายคนจนมันบ่มีวาสนาจะ


เหมือนฮอนด้า หรือยามาฮ่าเปิ้นได้จะใด




กำเดียวก่มีรถยามาฮ่า ร้อยซอยห้าก๋ายหน้าอ้ายไปน้องได้ยินก่ฟั่งลุกต๋ามไฟ น้องได้ยินก่ฟั่งลุกต๋ามไฟแล้วเอิ้นออกไป.... อ้ายมอเตอร์ไซค์ไปไหนมาเจ้า ( อ้ายเสื้อลายไปไหนมาเจ้า )




อ้ายได้ยินเป๋นดีผิดใจแต๊ว่า จะขายนาซื้อคาวาซักคันพอไปถึงอ้ายจะเบิ้นน้ำมัน พอไปถึงอ้ายจะเบิ้นน้ำมันหื้อน้องแก๊นควัน ต๋ายจ้างมันสาวมอเตอร์ไซค์

Communication Design V with Energy

สวัสดี อ.มะลิ และ อ.เคลวิน


เริ่มด้วย ENERGY and MEANING


electric energy
[N] พลังงานไฟฟ้า
energy
[N] พลังงาน, See also: กำลัง, พลังงาน, พละกำลัง, เรี่ยวแรง, Syn. force, power, vigor
get-up-and-go
[N] พลัง (คำไม่เป็นทางการ), See also: พลังงาน, กำลัง, Syn. drive, enterprise, hustle
kinetic energy
[N] พลังงานที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของร่างกาย
mystique
[N] พลังงานลึกลับที่อยู่รอบตัวคน, Syn. attitude, complex, charisma, nature
nuclear energy
[N] พลังงานนิวเคลียร์
nuclear power
[N] พลังงานนิวเคลียร์, See also: พลังงานปรมาณู, Syn. nuclear energy
power
[N] พลังงาน, See also: พลังงานกล, Syn. potential, dynamism
radiant energy
[N] พลังงานที่เกิดจากการแผ่รังสี
radiation
[N] รังสี, See also: พลังงานจากรังสีหรือคลื่น
English-Thai: HOPE Dictionary [with local updates]
atomic energy
พลังงานปรมาณูที่เกิดจากการจัดตัวใหม่ของนิวเคลียสของอะตอม.

พลังงาน
[N] energy, Example: เกลือแร่เป็นสารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย, Thai definition: ความสามารถซึ่งมีอยู่ในตัวของสิ่งที่อาจให้แรงงานได้, Notes: (วิทยาศาสตร์)
พลังงานนิวเคลียร์
[N] nuclear energy, Example: จุดเปราะบางที่สุดของพลังงานนิวเคลียร์ก็คือปัญหาการกำจัดกากนิวเคลียร์และการเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ, Thai definition: พลังงานที่ได้จากนิวเคลียร์
พลังงานไฟฟ้า
[N] electric energy, Syn. กำลังไฟฟ้า, Example: ความเจริญทางวัตถุเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ความต้องการด้านพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทวีคูณ, Thai definition: พลังงานที่ได้จากไฟฟ้า
พลังงานแสงอาทิตย์
[N] solar energy, Example: การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นการใช้ประโยชน์จากสมดุลอากาศตามธรรมชาติของโลก, Thai definition: พลังงานที่ได้จากแสงอาทิตย์
ก็เป็นที่รู้กันดีว่าพลังงาน เป็นปริมาณพื้นฐานอย่างหนึ่ง ของกระบวนการในระบบกายภาพทุกอย่าง
แล้วเราควรจะนำเสนอพลังงานด้านไหนดี
กลับมามองย้อนดู พลังงานที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด ก็ คือ พลังงานชีวิต หรือ พละกำลังของมนุษย์
จักรยานก็เป็นสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ การลดEnergy เพื่อช่วยสิ่งแวดล้อม แต่เพื่ม Energy ให้กับตัวเอง

10.3.51

นาฬิกาแขวนผนังหน้าตาแปลกๆ

Life Clock
อันแรกเป็นของ WWF China ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม ทั้งเรื่องพลังงาน อากาศ ป่าไม้ระบบนิเวศน์ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม นอกจากนี้ยังดูแลเรื่องการค้าสัตว์ โดยนาฬิกาอันนี้แสดงให้เห็นถึงการรณรงค์เรื่องการสูญพันธ์ของสัตว์ในทุกๆ นาทีที่เวลาเดินไป (ตัวเลขเป็นรูปสัตว์)เจ๋งดี

Flip Down Clock
ชอบอันนี้มากๆ เลย เป็นนาฬิกาที่ดูเรโทรนิดๆ ไม่สิ่ ไม่นิดเลย ใช้แบตเตอรี่ขนาด D ใช้เฟืองหมุนออกแบบและผลิตในจีน (ที่นี่) แต่รู้สึกว่าเวลาแผ่นมันพลิกมันจะดัง 'click' ด้วย คงจะดังทุกๆ นาทีแน่ๆหนวกหูน่าดู

M&Co. 5 O’Clock
เป็นนาฬิกาที่สมควรติดใน office เป็นอย่างยิ่ง นาฬิกาที่มีแต่ตัวเลข 5 โมงเย็น เป็นการออกแบบของสองสามีภรรยาชื่อ Tibor และ Maria Kalman


World Time Clock
อันนี้เป็นนาฬิกาที่เป็นทรงถังมี 12 มุม 24 เมือง คือเวลาที่บอกจะเป็นเวลาของเมืองที่มีอยู่ด้านบนโดย Charlotte van der Waals


Grandfather Clock
จากนาฬิกาเจ้าคุณปู่ แค่เพียงสไลด์มันสักนิด ดูต่างไปเลย เท่มากๆ ตัวเรือนทำจากไม้สน ราคาตั้ง 110 $ แต่หาไม่เจอแฮะว่าใครคิด

28.2.51

My print ad. ( ปุ๋ย )

แคมเปญโฆษณาชุดปุ๋ยนี้ เป็นการนำเสนอแบบ นิวมีเดีย โดยใช้การเลื่อน สร้างภาพ Before After
ของปุ๋ย 3 สูตร สูตรเร่งโต เร่งใบ , สูตร เร่งผลผลิต และ สูตรเร่งดอก


ส่วนแอดนี้ก็ใช้เทคนิคการพับเข้ามาช่วย

Weight Watchers


Weight Watchers มุขโฆษณาที่เอาตัวเลขบอกชั้นในลิฟท์มาเล่นแทนน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ให้คุณหันมาสนใจกับอาหารการกินมากขึ้น
ไอเดียเด็ดจากเอเยนซี่ Duval Guillaume, เบลเยี่ยม

Fred Eerdekens



Type & Light ไปดูงานแสดงตัวอักษรที่เล่นกับแสงได้อย่างน่าทึ่ง ผลงานโดย Fred Eerdekens จากเบลเยี่ยม
สนใจเข้าไปดูได้ ที่ http://www.fredeerdekens.be/

Logo

ก็มีเรื่องเกี่ยวกับโลโก้ที่น่าสนใจ ที่อาจจะมีบางคนที่ยังไม่รู้ ถึงสัญลักษณ์ ที่นักออกแบบแทรกอยู่
logo สมควรจะเป็นที่สุดก็คือการเป็น logo ที่สามารถแสดงถึงตัวตนที่แท้จริงของบริษัทนั้นๆได้ หลายๆ logo บนโลกนี้ที่ฉันชอบ ซึ่งก็ไม่ได้มี graphic ลวดลายอะไรที่ยุ่งยากมากมาย บางครั้งก็เป็น logo ที่มีแต่ตัวอักษร แต่ความเจ๋งของมันก็คือ concept และแนวคิดที่อยู่ด้านหลังของ logo เหล่านั้นต่างหาก

Logo แรกคือ Amazon.com

หลายคนคงเคยเข้า amazon.com .. logo ของ amazon.com เป็น logo ที่เรียบง่ายมากๆ ไม่ต้องเล่นสีสันหรือ graphic อะไรมากมาย เป็น text สะกดคำว่า Amazon.com กับลูกศรอยู่ทางด้านล่างของ logo ถ้าจะให้ลองดูดีดี ลูกศรนี้ลากจากตัวอักษร A ไปถึงตัวอักษร Z ในความหมายคือว่า Amazon.com มีทุกอย่าง ตั้งแต่ A-Z

FedEx คือบริษัทรับส่งพัสดุ คู่แข่งสำคัญๆ ก็คือ DHL ปัจจุบันนี้หาคนไม่รู้จัก FedEx คงยากนะ อย่างไรก็ตาม Logo ของ FedEx ออกมาได้ประมาณ 10 ปีเห็นจะได้

แวบแรกที่เห็น logo ของ FedEx เมื่อทำการ rebrand แล้ว ก็พบว่ามันเป็น logo ที่เรียบง่าย แต่สวยมากๆ

อย่างไรก็ตาม พอได้รู้ทีหลัง ก็พบว่า ที่ตัว logo ของ FedEx เองนั้นมีอะไรอย่างหนึ่งซ่อนอยู่

ลูกศร

เห็นมั้ยเอ่ย เป็นลูกศรสีขาวที่เป็นช่องอยู่ระหว่าง E กับ x ทาง designer บอกว่า ลูกศรนี้แสดงให้เห็นถึงความรวดเร็ว และแม่นยำ แน่นอน.. อย่างนี้เรียกว่า สวยลึกๆ

Yamato
Yamato เป็นบริษัทขนส่งของญี่ปุ่น (ชื่อก็บอกอยู่) ส่วน Logo นี้เป็นรูปแม่แมวคาบลูกแมว ซึ่งเปรียบเทียบว่า แม่แมวที่คาบลูกแมวนั้นจะคาบด้วยความทนุถนอม นั่นหมายถึงความปราณีตและทนุถนอมในการขนส่งสินค้า ส่วนแมวนั้น สำหรับคนญี่ปุ่นหมายถึงความโชคดีครับ ความชอบโดยส่วนตัวนั้น นอกจาก concept แล้ว ยังคิดว่า ถ้าเราไม่ได้ตั้งใจคิดมากๆ เราก็อาจจะออกแบบ logo สำหรับบริษัทนี้มาเป็นรูปรถยนต์ขนส่งสินค้า หรือไม่ก็อาจจะเป็นรูปมือแล้วมีสินค้าอยู่บนมืออะไรอย่างนี้ แต่นี่ ใช้ "แมว" และเป็นแม่แมวคาบลูกแมว .. ลึกซึ้งลึกซึ้ง
เป็นหนึ่งใน logo ที่มีการถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมาก ในทั้งทางบวกและลบ Logo นี้ออกแบบโดยบริษัท Landor Associates ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกันกับที่ออกแบบ logo ของ FedEx ล่ะครับ ซึ่งตัว logo นี้ สิ่งที่สะดุดตา และทำให้จำได้แม่นมากๆ ก็คือตัว Logo ที่เป็นภาพวาดพู่กันออกมาเป็นรูปวงกลมสีแดง ซึ่งทาง designer เค้าเรียกว่า "Innovation Ring" แต่กับคนที่ไม่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นคนทั่วไปซึ่งบอกว่า logo นี้หมิ่นศาสนาพุทธ หรือวัฒนธรรมเอเชีย หรือแม้กระทั่งพนง.ของ Lucent เองที่บอกว่า มอง logo แล้วเหมือนรูปโดนัทที่วาดโดยเด็กตัวเล็กๆ

สำหรับ logo ตัวนี้ concept เบื้องหลังลึกๆ คืออะไร ไม่แน่ใจ แต่ที่เอามาให้ดูเพราะเป็นหนึ่งใน logo ที่เห็นครั้งเดียวแล้วจำได้แม่น ซึ่งนั่นก็คือหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญของการเป็น logo นั่นคือความสามารถในการทำให้คนที่เห็น จดจำได้าง่าย รวดเร็ว และไม่ลืมชื่อบริษัท

7 eleven..



เหตุที่เป็น logo ที่มีคนพูดถึงมากที่สุด logo หนึ่งก็เพราะว่า ตัวอักษรสุดท้ายของคำว่า Eleven นั้น สะกดด้วย "n" ตัวเล็กเพียงตัวเดียว ในขณะที่ตัวอักษรอื่นๆก่อนหน้านี้ ELEVE นั้นสะกดด้วยตัวใหญ่หมดเลย

หลายคนอ้างว่า การทำ logo เป็นรูปตัว 'n' เล็ก ก็เพื่อทำให้เหมือนกับเป็นรูปแม่เหล็ก ที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นฮวยจุ้ย ช่วยดึงดูดเงิน และตัวลูกค้าเข้ามาในร้านได้ ซึ่งความเข้าใจตรงนี้ได้ถูกพิสูจน์ด้วยการที่มีคนเมล์ไปถามที่ 7 eleven สาขาใหญ่ถึงความเป็นมา แล้วก็พบสาเหตุว่า..

การที่ทำตัว 'n' เป็นตัวเล็กนั้น เกิดขึ้นเมื่อภรรยาของเจ้าของ 7 eleven ในสมัยก่อน เห็นว่าเมื่อทำตัว 'n' ให้เป็นตัวใหญ่เหมือนตัวอื่นๆแล้ว จะทำให้ความสามารถในการมองเห็นและอ่านชื่อนั้นเป็นไปได้ยากกว่า ดังนั้นจึงได้ขอปรับให้เป็น 'n' ตัวเล็กอย่างที่เราเห็นๆกันง่ายๆ แบบนั้นแหละ
.. logo ต้องสามารถส่งข้อความถึงลูกค้าได้ด้วย


Nike เป็นชื่อของเทพกรีก มีความหมายแปลว่า Victory หรือชัยชนะ ตัว logo นั้นมีชื่อว่า Swoosh ซึ่งโดยสัญลักษณ์ที่แท้จริงของ logo นี้คือตัว V ซึ่งหมายถึง victory นั่นเอง อย่างไรก็ตาม logo นี้ก็ยังสามารถมองได้เป็นต่างๆนานาอีกเช่น บางคนเห็นเป็นเหมือนปีกของเทพ (เมื่อ logo ติดอยู่ที่ด้านข้างของรองเท้า) หรือบางคนก็เห็นว่าเป็นเครื่องหมายถูก อย่างไรก็ตาม กำเนิดของ logo Nike มีอะไรที่น่าสนใจมากกว่าความหมาย

Logo Nike เกิดขึ้นจากการที่เจ้าของ Nike Phil Knight ต้องการ Logo สำหรับธุรกิจรองเท้าของตัวเองอย่างด่วน เลยวิ่งเข้าไปหานักเรียน designer คนหนึ่งที่ชื่อว่า Carolyn Davison ขณะกำลังทำงาน drawing ส่งอาจารย์ แล้วบอกว่า อยากได้ logo ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็น movement ซึ่งหลังจากที่ Carolyn ออกแบบมามากมาย แต่ละอันนั้นไม่โดนใจ Phil เลยซักกะนิด แต่เนื่องจากเวลานั้นไม่มีเหลือแล้ว ทาง Phil เลยบอกว่า OK เอาอันนี้ก็ได้ ซึ่งนั่นก็คือ Swoosh logo ปัจจุบันนั่นเอง พร้อมกับจ่ายเงินค่าจ้างเป็นจำนวนเงินเพียง 35 เหรียญ

ถึงแม้จำนวนเงินจะน้อยนิด แต่ว่าอีก 10กว่าปีต่อมา Phil ได้ส่งแหวนทองคำเป็นรูป logo Nike ไปให้กับ Carolyn พร้อมกับผลิตภัณฑ์ของ Nike ซึ่งเป็นจำนวนที่ถูกปิดเป็นความลับด้วย

จริงๆอยากจะต่อด้วย logo Apple แต่เหนื่อยและ ขอต่อด้วยเรื่องที่บอกไว้ตอนต้นดีกว่า เรื่องของ Logo identity

Logo ทุก logo จะถูกกำหนดไว้โดย designer ตั้งแต่แรก เป็นต้นว่า ต้องใช้สีอะไร code อะไร หากต้องพิมพ์เป็นขาวดำจะต้องเป็นอย่างไร Logo บาง Logo จะไม่สามารถอยู่บนพื้นสีอื่นๆได้เลย นอกจากสีขาว หรือสีที่กำหนดไว้ หากบาง logo สามารถอยู่ได้ ก็จะต้องมีการกำหนดขึ้นมาอีกกว่า หากพื้นด้านหลัง logo เป็นสีโทนมืด ตัว logo จะเป็นอย่างไร พื้นเป็นโทนสว่าง logo จะเป็นอย่างไร

เท่าที่รู้ก็จะมีอยู่ 2 brands ข้ามชาติในประเทศนี้นะครับ ที่มี identity ชัดเจนมากๆในการใช้งาน ซึ่งนั่นก็คือ McDonald's และ KFC อย่างที่เห็นๆ กันอยู่ว่า McDonald's นั้นจะมีอยู่ 2 สีหลักคือ เหลือง และแดง ส่วน KFC นั้นก็จะเป็น ขาว และแดง

อย่างไรก็ตาม มี McDonald's อยู่สาขาหนึ่งในประเทศไทยที่ถูกเปลี่ยนสี จากเหลือง แดง เป็น เหลือง น้ำตาล นั่นคือสาขา อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เหตุผลที่ต้องเปลี่ยนสีก็เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศโดยรอบนั่นเอง ซึ่งหากใช้สีเหลืองแดงเหมือนเดิม จะทำให้สีนั้นโดดออกมามากเกินไป ไม่เหมาะ
logo เทพ อย่าง Starbucks ก่อน Logo Starbucks เป็นการรวมกันระหว่าง mermaid และ เทพ siren ของกรีก ซึ่งมีใบหน้าและลำตัวเป็นผู้หญิงและมีหางเป็นปลา 2 หาง โดย logo ที่เราเห็นในปัจจุบันนั้น ได้มีการแก้ไขมาถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกเทพ Siren นั้นอยู่ในสภาพที่เปลือยอกด้านบน และมี 2 หาง ใน version 2 ก็ได้มีการเอาผมลงมาปกปิดหน้าอกทั้ง 2 ข้างนั้นซะ แต่ก็ยังคงเห็นสะดืออยู่ ส่วน version 3 หรือตัวปัจจุบันนั้น ไม่ว่าจะเป็นหน้าอก และสะดือ ถูกปกปิดหมด แถมยังได้เติมสีเขียวเข้าไปด้วย (จากที่ก่อนหน้าเป็นขาวดำ) อย่างไรก็ตาม ในงานครบรอบ 35 ปี ทาง Starbucks ก็ได้นำ logo version แรกกลับมาใช้เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองด้วย
บางคนอาจจะงงว่า แล้วชื่อ Starbucks มาเกี่ยวอะไรกับกาแฟ ..​ไม่เกี่ยวอะไรเลย ชื่อ Starbuck เป็นชื่อของผู้ช่วยกัปตัน Ahab ในเรื่อง Moby-Dick ที่เจ้าของ Starbucks ชื่นชอบนั่นเอง ซึ่งก่อนหน้านั้นจริงๆแล้วมีอีกชื่อหนึ่งที่ชอบมากกว่านั่นคือชื่อ "Pequod" (อ่านว่า พี ควด ) แต่ทางหุ้นส่วนบอกว่า คงไม่มีใครคิดอยากจะกินกาแฟยี่ห้อ Pequod หรอก จึงได้ตกลงใช้คำว่า Starbucks จนมาถึงทุกวันนี้

1st Final Project



เนื่องจากช่วงนึงได้ทำไฟล์นี้หายไป แต่แล้วก็หาเจอจนได้ จึงนำว่าลงไว้ให้ดูอีกที

เป็นเรื่องเกี่ยวกับ การใช้วัจนภาษากับกฎ ในการสื่อสารกับคนหมู่มาก
ซึ่งแยกออกมาเป็น2อย่างคือปฎิบัติตาม กับ แหกกฎ วิดีโอได้ทดลองทำการสร้างกฎขึ้นมาเพื่อดูปฎิกริยาของคนและผลตอบรับกับกฎนั้นๆ
เพื่อลองตอบโจทย์ของงานนี้

ตัวอย่างเช่น ติดป้ายห้ามนั่ง ก็ไม่มีคนนั่งประมาณ10นาที แต่พอมีคนที่1นั่งก็จะมีอีกคนนั่งตาม ทำให้กฎนี้ไม่สำเร็จ
ติดป้ายว่าอันตรายแต่นั่งได้ กลับไม่มีคนนั่งเลย จนกระทั้งถูกเจ้าหน้านี้ดึงป้ายออกไป.......

และได้ลองให้พี่ที่อยู่ต่างปรนะเทศเล่นกับคอมพิวเตอร์ที่ห้องสมุด และบนป้ายรถเมล์ คนที่นั้นไม่ค่อยสนใจกับป้าย หรือ เรียกว่า มันไม่ทำตาม นั้นเอง ซึ่งวัตณธรรมก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลลัพท์ไม่เหมือนกัน

27.2.51

ศิลปะการพับกระดาษที่เรียกว่า Origami ระดับเทพ ผลงานโดย Philip West

border="0" alt=""id="BLOGGER_PHOTO_ID_5171649928992183906" />

Flying Grasshopper

Designed by Robert J. Lang.
Folded by Phillip West.



Pill Bug

Designed by Robert J. Lang.
Folded by Phillip West.



Acrocinus longimanus

Designed by Robert J. Lang.
Folded by Phillip West.



Gandalf vs the Balrog

Balrog designed by Jason Ku, Wizard designed by Satoshi Kamiya.
Folded by Phillip West.

The Balrog is folded from a 23 7/8 inch square, the wizard is folded from a 6 inch square.



Sitting Puppy


Designed by Nicolas Terry.
Folded by Phillip West.

ในที่สุดประเทศไทยก็มีซักที




หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพนี้ กำลังก่อสร้างกันอยู่ข้างๆ Siam Discovery นี่เอง โดยบริษัทที่ชื่อว่า Robert G. Boughey & Associates (RGB Architects) โดยในตัวอาคารถูกออกแบบมาให้เป็นทรงกระบอก (ดูจากแกนกลาง) ซึ่งสามารถเชื่อมต่อระหว่างอาคารได้ด้วยทางเดินวนๆ เป็นแนวเอียงขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้คนที่เข้ามาชมผลงาน สามารถชมได้ต่อเนื่องในแต่ละชั้น นอกจากนี้ตัวอาคารยังออกแบบมาให้สามารถรับแสงสว่างจากได้นอกได้ โดยที่แสงไม่แรงพอจะที่เข้ามาถึงขนาดทำลายผลงานศิลปะที่แสดงอยู่ข้างในได้

ตัวอาคารที่สูง 9 ชั้น (บวกอีก 2 ชั้นใต้ดิน) นี้ ยังทำหน้าที่เป็น shop บางส่วน รวมไปถึงร้านอาคาร และ โรงภาพยนตร์ด้วย ต้องเรียกได้ว่า ไหนๆ ทำซะตรงกลางเมืองขนาดนี้แล้ว ทำทั้งที ต้องยิ่งใหญ่

นานๆ ทีเมืองไทยจะมีอะไรใหญ่โตเพื่อศิลปะขนาดนี้ งานนี้ต้องปรบมือให้ผู้ว่ากรุงเทพ และศิลปินอีกหลายๆท่านที่พยายามผลักดันอาคารนี้มานานหลายปี โดยงานนี้ทางกรุงเทพก็ทุ่มเงินไปไม่ต่ำกว่า 60,000ล้านบาท

26.2.51

โฆษณาของ8ผู้กำกับ

โฆษณากองทุนการสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

กับหัวข้อ "สุขภาวะยังยืนด้วยวิถีชีวิตพอเพียง"






โครงการ "สุขภาวะยั่งยืนด้วยวิถีชีวิตพอเพียง" โดยงานนี้ ถือว่าเป็นงานที่ทำขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนทั่วไป ให้เข้าใจและรู้จักคำว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งนอกจาก rgb72 แล้ว ก็ยังมีบริษัท production house ทำ TVC มาร่วมโครงการนี้มากมาย ซึ่งตัว TVC นี้จะออกอากาศตามสถานนีโทรทัศน์ช่องต่างๆ และสำหรับตัวเว็บนั้น จะเป็นตัวช่วยให้มี activities มาขึ้น โดยการจัดทำระบบ vote ให้ผู้เยี่ยมชมทั่วไปสามารถเข้ามา vote TVC ที่ชื่นชอบได้ โดย TVC หรือ โฆษณา แต่ละตัวก็มี concept ที่เด็ดๆ แตกต่างกันไป ทั้งตลก ทั้งเรียบง่าย ไม่ว่าจะเป็น Happy Workplace, เกษตรประณีต, ชุมชนเป็นสุข, นมแม่, ผักปลอดสารพิษ, ยุทธการพอเพียง, สมุนไพรไทย, และ ออกกำลังกาย

วิวัฒนาการ แอปเปิ้ล

12.2.51

Final Micro Macro



งานนี้เืลือกใช้ รูปเรขาคณิต กับ ตัวอักษร มาแทน งานเดิม เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลง ทั้งรูปร่างและสีได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
จากการนำูรูปทรงเรขาคณิตและตัวอักษร มาผสมกันทำให้เกิด Element ใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับระบบไมโคร แมคโคร
ซึ่งว่าด้วยการเพิ่มหรือผมสไมโครทำให้เกิดแม็คโครใหม


ปกหน้าของกล่องใส่ CD มีการเล่นเจาะช่องเป็น2แผ่นเมื่อแยกออกมาจะมองเป็นรูปเรขาคณิตธรรมดา พอรวมกันแล้วจะเป็นคำ



ตัวอย่างโปสเตอร์ประกอบงาน เป็นการรวมกันของฟอนต์คำว่า Macro และ Micro เพื่อแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของสีที่เพิ่มขึ้นมาจากฟอนต์แต่ล่ะตัว(ต่างสีกัน)
นี่เป็นการแสดงถึงบทสรุปว่ารวมแล้วเป็นสีแดง ของจริงต้องดูในงานโมชั่น

9.2.51

Mix New



งานนี้ เป็นงานที่ ผสมกันของสี ทำให้เกิดสีใหม่ เป็นความรู้พื้นฐานที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว จึงนำมาเสนอใน รูปแบบวีดีโอโมชั่น

จาก แต่เมื่อลองมาดูความหมายที่เสนอไปว่า การผสมหรือการเพิ่มไมโครทำให้เกิดแม็คโครใหม่

แต่วีดีโอโมชั่นชิ้นนี้ไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร เพราะ สีที่ผสมกันถึงแม้จะได้สีใหม่ แต่ไม่ได้เกิดสิ่งใหม่

จึงเปลี่ยนจากการใช้สีมาใช้ รูปทรงเรขาคณิต และ ตัวอักษร มาผสมกันแทน

5.2.51

26.1.51

ต่อ Micro vs Macro

แกนหลักที่จะนำเสนอของ Micro Macro คือสนใจเรื่อง การเพิ่มปริมาณของ Micro ทำ Macro เกิดการเปลี่ยนแปลง


เพราะคิดว่า Macro คือรายละเอียดยิ้บย่อย


อย่างชุดคำที่นำเสนอครั้งก่อน การเพิ่มตัวอักษรทำให้ คำๆนั้น เกิดความหมายใหม่


ถ้านำ Micro Macro มาเทียบกับผลิตภัณฑ์ ก็จะเปรียบได้ว่า


Micro เท่ากับ วัตถุดิบ

ส่วน Macro เท่ากับ ตัวผลิตภัณฑ์


ตัวอย่างเช่น


ดังรูป นมที่วางขายตามท้องตลาดไม่ว่าจะเป็นแบบขวดหรือแบบกล่อง วัตถุดิบมาจาก นม แต่ถ้าเราเพิ่มส่วนผสมเข้าไป (Micro) เราก็จะได้ ผลิตภัณฑ์ใหม่ ( New Macro)

21.1.51

Macro Photography

การถ่ายรูปที่เรียกว่า Macro Photography
ก็คือการถ่ายรูปแบบที่ให้ขนาดของรูปที่ได้ในฟิล์ม (หรือ sensor) มีขนาดเท่ากับของจริง เช่น ขนาดของแมลง 1 ซม. ในฟิล์มก็จะมีภาพขนาด 1 ซม. ด้วย หรือไม่ก็ขยายเพิ่มสองเท่าหรือสี่เท่าอะไรประมาณนี้ ไม่ใช่แมลงขนาด 1 ซม. แต่ขยายขึ้นมาเป็น 100 ซม. อย่างพวกกล้องจุลทรรศน์อะไรพวกนั้น
อย่าง ภาพนี้ เป็นภาพ ของเลนส์ ที่เรียก ว่า เลนส์ Micro แต่ภาพที่ได้จาก เลนส์ Micro เราจะเรียกภาพนั้น ว่า ภาพ Macro

ชื่อเลนส์ใช้ Micro แต่ถ้าเป็นการถ่ายรูปแบบนี้ใช้ Macro